พร้อมด้วยของกลาง 1.รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ถจ-8722 กทม. สีบรอนซ์เงิน 2.รถยนต์อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน ถย-718 กรุงเทพฯ (ที่ใช้ในการกระทำความผิด) 3.รถยนต์กระบะอีซูซุ มิวเซเว่น ทะเบียน ศฮ-5713 กทม สีบรอนซ์เงิน ที่ถูกขโมยไปและโดนถอดเครื่องออกไป ใส่ในรถ โตโยต้า วีโก้ 4.อาวุธปืนพกสั้น CZ ขนาด 6.35 พร้อมซองบรรจุ 2 ซอง พร้อมกระสุน 14 นัด 5.กล้องถ่ายรูปยี่ห้อ โอลิมปัส เลนสซ์กล้องถ่ายรูป 1 ชุด 6.โน้ตบุ๊ก จำนวน 2 เครื่อง 7.กระเป๋าสะพาย เอกสารอื่นๆ ของผู้เสียหาย รวมกว่า 40 รายการ และไขควงปากแบน จำนวน 4 อัน ที่ใช้ในการก่อเหตุลักทรัพย์ภายในรถ

โดย พ.ต.ท.สุรเวช เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ที่ผ่านมา ในห้างสรรพสินค้าในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลท่าข้าม ได้มีคนร้ายตระเวนงัดรถยนต์กระบะยี่ห้อ อีซูซุ ดีแม็กซ์ และมิวเซเว่น โดยเข้าไปเอาทรัพย์สินมีค่าภายในรถ และบางรายสบโอกาสพบกุญแจสำรองในรถก็ลักเอารถไปด้วย พฤติการณ์ของคนร้ายจะใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ในการนำอุปกรณ์พิเศษสอดเข้าไปในประตูบริเวณใกล้กับที่เสียบกุญแจเพื่อให้สลักกุญแจปลดล็อกและปิดประตูกลับไปเหมือนเดิม ส่วนใหญ่คนร้ายจะเลือกรถที่จอดภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ มีที่จอดรถจำนวนมาก และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอ จึงได้ทำการสืบสวน และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้
จากการสอบสวน นายสมยศ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนได้ก่อเหตุจริง พร้อมกับเพื่อนที่หลบหนี ประกอบด้วย นายตรีทศพล หรือ เอส วิเชียรโรจน์ อายุ 27 ปี และ นายเอก ไม่ทราบนามสกุล โดยก่อนหน้านี้ตนเคยโดยจับคดีเสพยา ที่สภ.อ.สมุทรสาคร และ คดีรับของโจร ที่สภ.อ.สมุทรสาคร และหลังจากที่พ้นโทษออกมา ก็มาเจอ กับ นายเอส และ นายเอก โดยได้ก่อเหตุมาแล้วประมาณ 12 ครั้ง ในพื้นที่ สน.ท่าข้าม ที่เซ็นทรัล พระราม2 จำนวน 4 ครั้ง ห้างบิ๊กซี ท่าข้าม 2 ครั้ง ห้างบิ๊กซี พระราม 2 ขาออกจำนวน 2 ครั้ง และที่อื่นๆ อีก รวม 12 ครั้ง
โดยจะออกหาเป้าหมายที่ลานจอดรถในช่วงเวลาบ่ายๆ จะเอารถไป 2 คัน คือ รถยนต์กระบะโตโยต้า วีโก้ สีเทา ทะเบียน ถจ-8722 กทม. สีบรอนซ์เงิน และรถยนต์อีซูซุ ดีแม็กซ์ สีขาว ทะเบียน ถย-718 กรุงเทพฯ (ที่ใช้ในการกระทำความผิด) จากนั้นก็จะจอดรถรอ ที่ลานจอดรถ เมื่อเห็นเจ้าของรถมาจอด ก็จะเข้าประกบ จนผู้เสียหาย เดินเข้าไปในห้างก่อนจะเข้าไปก่อเหตุ โดยจะเลือก รถ อีซูซุ ดีแม็ก ว์และ อีซูซุ มิวเซเว่น เท่านั้น เนื่องจากสัญญาณกันขโมย ไม่ค่อยดัง และบางครั้ง จะไม่ติดสัญญาณกันขโมย โดยจะใช้ไขควงไปงัดซอกมือเปิดประตู จากนั้นเข้าไปเอาทรัพย์สิน โดยใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ก่อนหลบหนี และเอาทรัพย์สินไปขาย แบ่งเงินกัน เอาเงินไปเที่ยวเตร่
ขณะเดียวกัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการแถลงข่าว มีนายสุทิน ชินบุญนาค อายุ 49 ปี อยู่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ อาชีพวิศวกร เข้ามาดูรถยนต์กระบะอีซูซุ มิวเซเว่น ทะเบียน ศฮ-5713 กทม สีบรอนซ์เงินของตนเอง ที่ได้แจ้งหายไว้กับ สน.ท่าข้าม ไว้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. โดยหายไปจากลานจอดรถที่ห้างบิ๊กซี พระราม2 ขาออก โดยวันนั้น ได้ออกไปซื้อของและได้จอดรถไว้ที่ลาดจอดรถ โดยหลังจากที่ซื้อของเสร็จและจะกลับบ้าน เมื่อมาที่จอดรถ พบว่ารถหายไป โดยมีทรัพย์สิน ที่หายไปประกอบด้วย เงินยูเอสดอลล่าร์ 1,100 ดอลล่าร์ แหวนทอง กล้องถ่ายรูป และเอกสารอีกจำนวนหนึ่ง จากนั้นได้เดินมาดูรถของตนเอง และกล่าวว่าต้องขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ท่าข้าม ที่ทำการจับกุมคนร้ายมาได้ ถึงแม้ว่าตัวรถยนต์ยังอยู่แต่เครื่องยนต์ โดนถูกถอดออกไป ซึ่งนับแต่นี้ต่อไป ก็คงจะระมัดระวังการจอดรถมากขึ้น และจะติดสัญญาณกันขโมยด้วย และจะไม่ทิ้งกุญแจสำรองไว้ในรถอย่างเด็ดขาด เพราะไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้
source:http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1434516600

